Beauty of “Bronze”

“ทองเหลือง” การผสมผสานของ ทองแดง ดีบุก และโลหะมีความทนทาน แข็งแรง และเงางาม แสดงรายละเอียด ของ Detail ได้อย่างละเอียดอ่อน เริ่มต้นจากการปั้นแม่พิมพ์จากขี้ผึ้ง และหล่อด้วยทองเหลือง ใส่ใจตั้งแต่การปั้นแม่พิมพ์ จนถึงการหล่อ เป็นเสน่ห์ของทองเหลืองใส่ใจทุกขั้นตอน ใส่ใจทุกรายละเอียด

The beauty of “Bronze” “Bronze” is a combination of copper, tin and metal. It is durable, strong and shiny, showing the details of the details delicately. Start from molding a mold from wax. And cast in brass attend every step attend every detail.

ประติมากรรมสําริด หรือที่มักเรียกง่ายๆ ว่า ‘บรอนซ์‘ เป็นงานศิลปะสามมิติที่ทําโดยการเททองสัมฤทธิ์หลอมเหลวลงในแม่พิมพ์ ก่อนจะปล่อยให้มันแข็งตัว
บรอนซ์ เป็นโลหะผสมของทองแดงและดีบุกทําโดยการให้ความร้อนโลหะทั้งสองเข้าด้วยกันและปล่อยให้เย็น ปัจจุบันโลหะมีคุณสมบัติเป็นบรอนซ์ก็ต่อเมื่อเป็นไปตามอัตราส่วนที่เข้มงวดของทองแดง 88% และดีบุก 12%
อย่างไรก็ตามในอดีตองค์ประกอบของบรอนซ์มีหลายประเภท
ประติมากรรมสําริดทําผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การหล่อ: เทโลหะหลอมเหลวลงในแม่พิมพ์แล้วปล่อยให้แข็งตัว
การหล่อจะใช้เทคนิกที่แตกต่างไป

A bronze sculpture, often simply called ‘a bronze’, is a three-dimensional piece of art made by pouring molten bronze into a mould, before leaving it to solidify. Bronze is an alloy of copper and tin, made by heating the two metals together and allowing them to cool. Nowadays a metal qualifies as bronze only if it adheres to a strict ratio of 88% copper and 12% tin.

In the past, however, the composition of bronze varied widely. The earliest ‘bronze’ products were actually made from copper and arsenic, and many ancient ‘bronzes’ have later been revealed actually to be brass, an alloy of copper and zinc. Bronze sculpture is made via a process known as casting: pouring molten metal into a mould and leaving it to solidify.

bed-room-design-02

แต่งห้องนอนอย่างไร ให้ถูกหลักฮวงจุ้ย

เกริ่นนำ

ห้องนอนถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของบ้าน สำหรับการพักผ่อนยามค่ำคืน เพื่อที่จะได้มีแรงตื่นมาทำงานในวันถัดไป เพราะฉะนั้น การแต่งห้องนอนให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ย จะช่วยดึงพลังจากธรรมชาติมาเสริมพลังงานดี ให้วันถัดไปที่ตื่นขึ้นมาเต็มไปด้วยความสดชื่น

บทความนี้ ธอส. จะขอแนะนำเทคนิคการแต่งห้องนอนให้ถูกฮวงจุ้ย เติมพลังบวกให้กับบ้าน พร้อมเสริมความมงคลให้กับชีวิตและการงาน

bed-room-design-01

ตำแหน่งเตียง จุดสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

เมื่อพูดถึงการแต่งห้องนอน แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดย่อมหมายถึงเตียง โดยตามหลักของฮวงจุ้ยสำหรับห้องนอนแล้ว ตำแหน่งและทิศทางการวางเตียงนั้นสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้น เรามาดูกันเลยว่าสำหรับการแต่งห้องนอนตามหลักฮวงจุ้ย ควรจัดวางเตียงในรูปแบบใด

  • กำหนดทิศของเตียง

ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ตำแหน่งทิศของการหันปลายเตียงจะสัมพันธ์กับพลัง “ชี่” ซึ่งจะช่วยส่งพลังมาให้กับผู้อยู่อาศัย เพราะฉะนั้นจึงควรแต่งห้องนอนให้ปลายเตียงหันไปตามทิศต่างๆ

โดยทิศแต่ละทิศจะส่งผลต่อผู้อยู่อาศัยแตกต่างกันไป ดังนี้

  • ทิศเหนือ – ช่วยพัฒนาการรับรู้ และสัญชาตญาณ
  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ – ช่วยในด้านการทำงานให้เป็นไปอย่างราบรื่น และทักษะที่เกี่ยวข้องกับการงาน
  • ทิศตะวันออก – ช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างสงบ
  • ทิศตะวันออกเฉียงใต้ – ช่วยเสริมความพากเพียรพยายาม
  • ทิศใต้ – ช่วยให้มีผู้นับหน้าถือตา ผู้คนรักใคร่ มีชื่อเสียงลาภยศ
  • ทิศตะวันตกเฉียงใต้ – ช่วยเสริมสัมพันธ์ด้านความรัก และสมหวังในความรัก
  • ทิศตะวันตก – ช่วยให้ลูกเติบโตมาได้ดิบได้ดี
  • ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ – ช่วยให้มีเพื่อนฝูงห้อมล้อมมากมาย

ทั้งนี้ สำหรับชาวไทยเองก็มีความเชื่อที่ว่าไม่ควรหันหัวเตียงไปทางทิศตะวันตก เนื่องจากถือกันว่าเป็นทิศอัปมงคล อาจทำให้อายุสั้น จึงอาจจะหลีกเลี่ยงการหัวหัวเตียงไปทางทิศตะวันตกได้ตามความเชื่อ

bed-room-design-02
  • ปลายเตียงอย่าหันไปทางประตู

ตามหลักฮวงจุ้ยนั้นเชื่อว่า ประตูคือปากทางเข้าออกของพลังชี่ การแต่งห้องนอนโดยมีประตูอยู่ที่ปลายเตียงอาจทำให้พลังร้ายไหลเข้ามา และพลังดีถูกส่งออกไป อาจทำให้นอนหลับได้ไม่เต็มตื่น เหนื่อยง่าย มีอาการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ บ่อย

โดยวิธีแก้ก็คือ จัดวางตำแหน่งให้หัวเตียงอยู่เยื้องกับประตู ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยจะเชื่อว่าจะทำให้พลังงานดีไหลเข้ามามากกว่า ช่วยให้หลับสบาย เสริมโชคลาภ และทำให้หน้าที่การงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ในเชิงจิตวิทยาแล้วการแต่งห้องนอนแบบนี้ยังทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกปลอดภัย เนื่องจากสามารถมองเห็นได้ว่าใครเข้าออกห้องนอนบ้าง

  • ห้องน้ำไม่ควรอยู่ตรงกับเตียง

ห้องน้ำนั้นตามความเชื่อของฮวงจุ้ยนั้นจะเหมือนแหล่งรวมของเสีย หรือพลังงานไม่ดี อาจทำให้ผู้อยู่อาศัยมีอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับหลังได้ ซึ่งหากมองตามหลักความเป็นจริงแล้ว ห้องน้ำอาจส่งกลิ่นรบกวนขณะนอนหลับ หรือความชื้นอาจทำให้เตียงขึ้นราได้

โดยวิธีแก้นั้นไม่ยากเลย เพียงแค่ตั้งเตียงนอนให้ออกห่างจากตัวห้องน้ำเท่านั้น หรือหากหลีกเลี่ยงให้เตียงอยู่ห่างห้องน้ำไม่ได้จริงๆ ให้นำฉาก หรือสิ่งที่สามารถใช้กั้นห้องได้มาบังไว้

  • กระจกอย่าวางให้ส่องเตียง

กระจกนั้นเปรียบเสมือนสิ่งรบกวนตามหลักฮวงจุ้ย การวางกระจกสะท้อนเข้ามาที่เตียงนั้น อาจสร้างปัญหาให้รู้สึกไม่สบายตัวขณะนอนหลับ รวมถึงอาจสร้างปัญหาด้านความรักและความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ เพราะฉะนั้นจึงควรแต่งห้อวนอนโดยที่กระจกไม่หันหน้ามาทางเตียงจะดีที่สุด

  • ประตูห้องนอน อย่าอยู่ตรงกัน

หากยึดตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว บ้านใดที่มีห้องนอน 2 ห้องหันด้านหน้าประตูชนกัน เนื่องจากทั้งพลังที่ดีและไม่ดีจะไหลเข้าออกทางห้องนอนทั้ง 2 อาจส่งผลให้ผู้ที่นอนในห้องนั้นเกิดความขัดแย้งกันได้

สีห้องนอนตามนักษัตรปีเกิด

นอกจากการจัดวางเตียงแล้ว การแต่งห้องนอนด้วยสีสันต่างๆ เองก็มีความเกี่ยวโยงกับหลักฮวงจุ้ยเช่นเดียวกัน โดยสีของห้องนอนที่ถูกโฉลกนั้นสามารถตรวจสอบได้จากนักษัตรปีเกิดของเจ้าบ้าน ดังนี้

  • ปีหนู – สีที่ถูกโฉลกได้แก่ สีขาว สีฟ้า สีเทา และสีดำ
  • ปีวัว – สีที่ถูกโฉลกได้แก่ สีม่วง สีเหลือง สีส้ม และสีน้ำตาล
  • ปีเสือ – สีที่ถูกโฉลกได้แก่ สีดำ สีเขียว สีเหลืองอมเขียว และสีฟ้า
  • ปีกระต่าย – สีที่ถูกโฉลกได้แก่ สีเหลืองอมเขียว สีดำ สีฟ้า และสีเขียว
  • ปีมังกร – สีที่ถูกโฉลกได้แก่ สีส้ม สีม่วง สีเหลือง และสีแดง
  • ปีงู – สีที่ถูกโฉลกได้แก่ สีเหลืองอมเขียว สีม่วง สีแดง และสีส้ม
  • ปีม้า – สีที่ถูกโฉลกได้แก่ สีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีม่วง
  • ปีแพะ – สีที่ถูกโฉลกได้แก่ สีม่วง สีส้ม สีแดง และสีน้ำตาล
  • ปีลิง – สีที่ถูกโฉลกได้แก่ สีน้ำตาล สีเหลือง สีทอง สีเงิน และสีขาว
  • ปีไก่ – สีที่ถูกโฉลกได้แก่ สีทอง สีเหลือง สีน้ำเงิน และสีขาว
  • ปีจอ – สีที่ถูกโฉลกได้แก่ สีส้ม สีม่วง สีเหลือง และสีน้ำตาล
  • ปีหมู – สีที่ถูกโฉลกได้แก่ สีทอง สีเงิน สีฟ้า สีดำ และสีเทา

เพิ่มสิ่งประดับรับพลังจากธรรมชาติ

สิ่งของประดับตกแต่งห้องนอนเองก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยดึงพลังบวกมาให้กับผู้อยู่อาศัยได้ค่อนข้างมาก อย่างเช่น หินมงคล หินคริสตัล หรืออัญมณีประดับ ซึ่งจะช่วยเสริมมงคลทางด้านโชคลาภเงินทองเข้ามาให้กับผู้อยู่อาศัย

อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะเตือนไว้ก็คือ โดยปกติแล้วเมื่อพูดถึงสิ่งประดับภายในห้องนอน หลายๆ คนมักจะเลือกปลูกต้นไม้ หรือไม้ฟอกอากาศเอาไว้ในห้อง แต่จริงๆ แล้วต้นไม้นั้นจะมีพลังหยางค่อนข้างมาก จะส่งผลให้พลังงานในตัวเราไม่หยุดนิ่ง อาจทำให้นอนพักผ่อนได้ไม่สบายตัว

สรุป

ฮวงจุ้ยนั้นแม้จะเป็นศาสตร์ที่ขึ้นอยู่กับความเชื่อ แต่ก็มีส่วนที่คำนึงถึงการใช้ชีวิตตามความเป็นจริงด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น การแต่งห้องนอนตามหลักฮวงจุ้ยนั้นจะช่วยสนับสนุนผู้อยู่อาศัยให้นอนหลับได้อย่างสบายหายห่วงแน่นอน

ที่มา : https://blog.ghbank.co.th/bed-room-design/

Stylish room in white color with sofa and summer landscape in window. Scandinavian interior design. 3D illustration

บ้านสไตล์มินิมอล ตกแต่งแบบน้อยแต่มาก สร้างภาพลักษณ์อบอุ่น

บ้านสไตล์มินิมอล เป็นหนึ่งในเทรนด์การแต่งบ้านที่กำลังมาแรงเป็นอย่างมากในยุคนี้ ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูเรียบง่าย แต่กลับมีความรู้สึกน่าค้นหา ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตา จึงไม่แปลกใจเลยว่าใครๆ ก็หลงรักบ้านสไตล์นี้

สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มต้นตกแต่งบ้าน บทความนี้ ธอส.จะมาแนะนำเคล็ดลับที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถจัดบ้านให้ออกมาในรูปแบบมินิมอลตามที่ตั้งใจ เรามาดูกันเลยว่ามีเคล็ดลับอย่างไรบ้าง!

หัวข้อหลัก

  • บ้านสไตล์มินิมอล ตกแต่งแบบน้อยแต่มาก สร้างภาพลักษณ์อบอุ่น
    • การเลือกโทนสีภายในบ้าน
    • ประดับต้นไม้ เพิ่มความเป็นธรรมชาติ
    • การจัดแสงสร้างภาพลักษณ์อบอุ่น
    • เฟอร์นิเจอร์ “น้อยแต่มาก”
    • ชั้นวางของเพิ่มความเป็นระเบียบ
  • แนะนำสินเชื่อเพื่อสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้านจาก ธอส.

บ้านสไตล์มินิมอล ตกแต่งแบบน้อยแต่มาก สร้างภาพลักษณ์อบอุ่น

บ้านสไตล์มินิมอล เป็นการตกแต่งในลักษณะที่เรียบง่าย ให้ความรู้สึกสงบ สบายตา และอบอุ่น โดยมีเอกลักษณ์ที่ “น้อยแต่มาก” ด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ และการประดับเท่าที่จำเป็นเพื่อให้ตัวบ้านมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างครบถ้วน

เพราะฉะนั้น เรามาดูกันเลยว่าเคล็ดลับในการตกแต่งบ้านให้ออกมาอบอุ่น เรียบง่าย สไตล์มินิมอลนั้น สามารถทำอย่างไรได้บ้าง!

  • การเลือกโทนสีภายในบ้าน

คือการควบคุมโทนสีโดยรวมของบ้านให้ไปในทิศทางเดียวกัน ควรจะเป็นเฉดสีที่ไม่ฉูดฉาด เช่น สีขาว สีเทา หรือสีครีม เพื่อให้บรรยากาศของบ้านนั้นมีความอบอุ่น หรือจะเลือกใช้สีขาวเป็นหลัก แล้วเติมสีอื่นๆ เข้าไปตัดเพื่อสร้างอารมณ์ที่แตกต่าง ยกตัวอย่างเช่น

  • ห้องตัวอย่าง 1: โทนสีหลักสีขาว เติมด้วยสีไม้เนื้ออ่อน

จากห้องตัวอย่างจะเลือกใช้สีขาวเป็นหลัก แล้วประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์สีไม้เนื้ออ่อน เพื่อให้บรรยากาศอบอุ่น เรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น

tips-for-minimal-house-decorating-02
  • ห้องตัวอย่าง 2: โทนสีที่ตัดกันระหว่าง สีขาว และสีดำ

ห้องตัวอย่างนี้ใช้การตัดกันของสีขาว และสีดำ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากห้องตัวอย่างแบบที่ 1 ค่อนข้างมาก โดยจะให้บรรยากาศเรียบหรูขึ้นมาแทน

tips-for-minimal-house-decorating-0
  • ประดับต้นไม้ เพิ่มความเป็นธรรมชาติ

สิ่งที่บ้านสไตล์มินิมอลจะขาดไปไม่ได้เลยนั้นก็คือ “ต้นไม้” โดยควรเลือกต้นไม้ที่มีสีเขียวชอุ่ม ช่วยให้โทนสีภายในบ้านของคุณดูจืดชืด น่าดึงดูด นอกจากนี้สีเขียวจากธรรมชาติยังช่วยให้ผู้ที่ได้มองรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

โดยต้นไม้บางสายพันธ์ุยังมีคุณสมบัติช่วยฟอกสารพิษในอากาศ ช่วยให้บรรยากาศภายในบ้านมีความสดชื่นตลอดเวลา เช่น

  • ต้นมอนสเตอรา (Monstera)
  • ต้นยางอินเดีย (Rubber Plant)
  • ต้นเดหลี (Peace Lily)

ยังมีต้นไม้อื่นๆ ที่มีคุณสมบัติฟอกอากาศได้อีกมากมาย สามารถดูได้ที่ >>> บทความนี้

tips-for-minimal-house-decorating-03
  • การจัดแสงสร้างภาพลักษณ์อบอุ่น

การจัดแสงไฟภายในห้องนั้นสามารถสร้างบรรยากาศให้กับตัวบ้านได้เป็นอย่างดี โดยปกติแล้วแสงจากหลอดไฟที่เราเห็นนั้นมักจะเป็นแบบ “Daylight White” ซึ่งเป็นแสงสีขาวโทนออกฟ้าเล็กน้อย แต่หลอดไฟสำหรับบ้านสไตล์มินิมอลนั้น เราขอแนะนำดังนี้

  • Warm White จะให้แสงในโทนที่ค่อนข้างส้ม ให้ความรู้สึกอบอุ่น
  • Cool White จะให้แสงที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Warm White และ Daylight White ซึ่งแสงจะมีโทนสีส้มที่เบาบางกว่า Warm White ค่อนข้างมาก

โดยจะเลือกใช้หลอดไฟแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับความชอบ และโทนสีห้องของคุณ หรือจะเลือกติดตั้ง Dimmer Switch ที่สามารถปรับระดับความสว่างของแสงไฟได้ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องได้เป็นอย่างดี

tips-for-minimal-house-decorating-04
  • เฟอร์นิเจอร์ “น้อยแต่มาก”

หัวใจสำคัญของการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลนั้นอยู่ที่คำว่า “น้อยแต่มาก” หมายความว่า มีเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเพียงน้อยชิ้น แต่สามารถใช้ประโยชน์ได้มาก หรือที่เราเรียกว่าเฟอร์นิเจอร์แบบ Multi Function ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดพื้นที่แล้ว ยังช่วยให้ภาพลักษณ์ของบ้านดูเรียบง่าย สบายตาอีกด้วย

อย่างเช่นในภาพตัวอย่าง จะเห็นได้ว่าเป็นชั้นวางทีวีแบบ Build-In ยาวไปจนตลอดผนัง ซึ่งสามารถใช้เป็นโต๊ะสำหรับทำงานได้ รวมไปถึงมีลิ้นชักให้สามารถจัดเก็บของได้อีกเป็นจำนวนมาก

tips-for-minimal-house-decorating-05
  • ชั้นวางของเพิ่มความเป็นระเบียบ

แม้จะจัดบ้านสวยแค่ไหน แต่ถ้ามีข้าวของวางรกไปทั่ว มองยังไงก็คงไม่ให้ความรู้สึกมินิมอล จึงควรมีชั้นวางของสำหรับจัดเก็บสิ่งของ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้บ่อยๆ เพื่อให้บ้านเป็นระเบียบ และสบายตา ดังนี้

  • ชั้นวางของแบบไม่มีฝา: สำหรับวางสิ่งที่หยิบมาใช้บ่อยๆ เพื่อให้สามารถหาได้อย่างสะดวก อย่างเช่น หนังสือ หรือแฟ้มเอกสารต่างๆ
  • ชั้นวางของแบบมีฝาทึบ: สำหรับเก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้ หรือให้ภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดี เช่น ไม้กวาด หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ
  • ชั้นวางของแบบฝากระจก: เหมาะสำหรับนักสะสมที่ชอบตั้งโชว์สิ่งต่างๆ เช่น ฟิกเกอร์ ถ้วยรางวัล หรือประกาศนียบัตร
tips-for-minimal-house-decorating-06

ที่มา : https://blog.ghbank.co.th/tips-for-minimal-house-decorating/

feng-shui-in-your-home-feature-image-02-resize

10 แบบฮวงจุ้ยบ้านทันสมัย ร่มรื่นปลอดภัย เงินทองไม่รั่วไหล

ฮวงจุ้ยบ้านบางส่วนยังสอดคล้องกับหลักสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นให้ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านมีความสุขด้วยเช่นกัน ในบทความนี้จะขอแนะนำ 10 หลักฮวงจุ้ยที่เสริมพลังให้กับบ้าน ที่สามารถนำไปใช้กับบ้านในฝันของคุณได้ทันที

สำหรับผู้ที่เชื่อในศาสตร์ของฮวงจุ้ย  เพื่อทำให้บ้านช่วยเสริมพลังให้กับตัวเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ การมีฮวงจุ้ยบ้านที่ดียังสามารถช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพที่ดี การงานที่ก้าวหน้าขึ้น หรือเสริมทรัพย์โชคลาภเงินทองตามมา

ฮวงจุ้ยบ้านสำคัญอย่างไร

เพราะฮวงจุ้ยคือวิชาว่าด้วยทำเลที่ตั้งให้สอดคล้องกับหลักธรรมชาติ ฮวงจุ้ยบ้านจึงหมายถึงหลักของการจัดวางสิ่งต่างๆ ภายในบ้านให้เหมาะสมกับธรรมชาติ เพื่อที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขมากกว่าเดิม

การจัดบ้านตามฮวงจุ้ยนับว่าเป็นการเสริมพลังให้แก่ผู้อยู่อาศัย อันจะทำให้ให้ชีวิตของบุคคลนั้นมีการดำเนินไปอย่างมีความสุข มีความสำเร็จตามวาสนา และช่วยบรรเทาอุปสรรคที่จะมีขึ้นในชีวิตลงได้

สิบตำแหน่งฮวงจุ้ยบ้านที่ควรพิจารณา

สิบตำแหน่งฮวงจุ้ยบ้านที่ควรพิจารณา

      1.สร้างบ้านบนชัยภูมิที่ดี

ชัยภูมิของบ้านที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย คือ บริเวณที่สามารถเก็บพลังได้ การเลือกที่ดินที่ดีตั้งแต่ต้นจะทำให้ฮวงจุ้ยของบ้านดีตามไปด้วย โดยที่ดินที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยนั้นจำเป็นต้องมีจุดรับและเก็บกระแสพลังงานที่ดี เป็นที่ดินที่มีด้านกว้างและไม่ลึกมากจนเกินไป และมีทิศทางองศาที่ไหลเวียนพลังงานได้ดี

      2. คำนึงถึงแสงแดดและการไหลเวียนของลม

แสงแดดและลมถือเป็นพลังงานสำคัญตามหลักของฮวงจุ้ย ดังนั้น การออกแบบบ้านให้แสงแดดส่องถึงและมีการไหลเวียนลมที่ดีจึงมีความสำคัญ เพราะนอกจากจะทำให้พลังงานไหลเข้ามาสู่ตัวบ้านแล้ว บ้านที่แดดส่องถึงเพียงพอและอากาศไหลเวียนดียังช่วยให้คนในบ้านอยู่สบายได้อีกด้วย

โดยในประเทศไทย ที่ดินสร้างอาคารควรหันหน้าเข้าทางทิศใต้เพื่อรับลมเข้าทางหน้าบ้านโดยตรง อีกทั้งยังไม่โดนแดดมากจนเกินไป ส่วนทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงใต้ก็เหมาะกับการสร้างอาคารตามหลักฮวงจุ้ยด้วยเช่นกัน แต่แดดในตอนบ่ายจะส่องเข้าทิศดังกล่าวมากเป็นพิเศษ

      3.จัดสมดุลระหว่างธาตุเพื่อเพิ่มพลัง

พื้นฐานของฮวงจุ้ยคือธาตุทั้งห้าได้แก่ดิน น้ำ ลม ไฟและโลหะ การจัดวางสิ่งของตามธาตุให้สมดุลจะสามารถเพิ่มพลังงานให้กับตัวบ้านได้ สำหรับคนธาตุดินควรแต่งบ้านด้วยหินมงคล ควอทซ์หรือของตกแต่งที่มีสีอิฐ สีน้ำตาลอ่อน คนธาตุน้ำควรวางบ่อน้ำ น้ำพุ หรืออ่างน้ำ หรือของประดับสีฟ้าหรือดำ คนธาตุลมควรวางของประดับที่ทำจากไม้ ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม สีน้ำตาลหรือเขียว คนธาตุไฟควรวางเทียน ตะเกียง หรือ ของตกแต่งที่มีสีส้ม แดง เหลืองเข้ม ม่วง หรือชมพูเข้ม ส่วนคนธาตุโลหะควรวางของประดับทรงกลม หรือเป็นของประดับที่ไม่มีเหลี่ยมมุม สีขาว เงิน หรือเทา

       4.อย่าทำให้บ้านรก

บ้านที่รกรุงรังนอกจากจะไม่น่าอยู่อาศัยแล้ว ยังจะทำให้การไหลเวียนของพลังงานภายในบ้านไม่ดีอีกด้วย ซึ่งจะไปลดทอนพลังงานของผู้อยู่อาศัยด้วยอีกทางหนึ่ง คุณควรหมั่นจัดบ้านอยู่เสมอ เพราะบ้านที่สะอาดนอกจากจะช่วยเสริมพลังแล้ว ยังช่วยให้สุขอนามัยในบ้านดีขึ้นอีกด้วย

       5.นำของที่ไม่ดีออกจากตัวบ้าน

ของที่ชำรุด ขยะ อาวุธ ภาพวาดที่รุนแรง ล้วนเป็นสิ่งไม่ดีที่ส่งผลต่อผู้อยู่อาศัย การนำของที่ไม่ดีออกจากบ้านเปรียบเสมือนการนำพลังงานที่ไม่ดีออกไปด้วย

สิบตำแหน่งฮวงจุ้ยบ้านที่ควรพิจารณา

       6.ปลูกต้นไม้เพื่อเสริมพลังงาน

ต้นไม้สามารถเสริมพลังงานให้แก่บ้านได้อย่างมาก ถ้าหากปลูกให้ถูกต้องตามหลักการ โดยหลักการในการปลูกต้นไม้ในตัวบ้าน คือ

  • ห้ามมีส่วนใดส่วนหนึ่งของต้นไม้โดนตัวบ้าน
  • ห้ามปลูกต้นไม้บังประตูบ้าน
  • ห้ามปลูกต้นไม้กลางบ้าน
  • ห้ามเก็บต้นไม้ที่ตายแล้วไว้ในบริเวณบ้าน 

นอกจากนี้ ยังมีต้นไม้ที่ช่วยเสริมพลังให้กับบ้านโดยตรง เช่น ต้นไผ่ หากปลูกหน้าบ้านจะส่งเสริมความมั่งคั่งและโอกาส ต้นสนจะช่วยเสริมพลังชีวิต ต้นส้มจะให้โชคลาภและความมั่งคั่ง ต้นมะนาวจะนำผลประโยชน์มาให้ ต้นแอปเปิ้ลช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในบ้าน หรือต้นทับทิมจะส่งเสริมความรัก เป็นต้น

      7.ประตูทางเข้าบ้านสำคัญที่สุด

ประตูมีความสำคัญมากในทางฮวงจุ้ย เพราะประตูเปรียบเสมือนปราการด่านแรกในการเข้าออกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นผู้คน เงินทอง โชคลาภ หรือพลังงาน ประตูที่ผิดตำแหน่งจะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับตัวบ้านได้เช่นกัน

เรื่องที่จำเป็นต้องคำนึงถึงเมื่อวางประตูบ้านมีสองข้อ ข้อแรก ในระยะ 45 องศา ต้องไม่มีต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณาหรือเหลี่ยมมุมตึกทิ่มแทงเข้าสู่ตัวประตูบ้าน อีกข้อหนึ่งคือตำแหน่งประตูหน้าบ้านไม่ควรตรงกับประตูหลังบ้าน หากประตูทั้งสองบานตรงกัน ให้หาเฟอร์นิเจอร์เช่นตู้หรือโต๊ะคั่นระหว่างกลาง หรือหาฉากกั้นมาบังไม่ให้ตรงกันก็ได้

      8.วางเตาให้ถูกที่

เตาไฟเป็นเครื่องมือในการเติมพลังงานให้กับมนุษย์ เตาจึงเป็นจุดกำเนิดพลังงานภายในบ้านที่สำคัญและควรวางให้ถูกตำแหน่งตามหลักฮวงจุ้ย โดยหลักการของการวางเตาในบ้านมี 4 ข้อ คือ

  1. ตำแหน่งเตาไม่ควรตรงกับห้องนอน
  2. หน้าเตาไม่ควรตรงกับตำแหน่งเตียงนอน
  3. หน้าเตาไม่ควรตรงกับตำแหน่งตู้เย็นหรือซิงค์ล้างจาน
  4. หัวเตาควรหันไปทางทิศใต้หรือทิศตะวันออก

     9.วางเตียงนอนให้ถูกวิธี

เพราะเตียงนอนคือบริเวณที่มนุษย์ใช้เวลานานที่สุดในแต่ละวัน ตำแหน่งของเตียงนอนจึงมีความสำคัญตามหลักฮวงจุ้ยเป็นอย่างยิ่ง

หลักการในการวางเตียงนอนในบ้านประกอบไปด้วย

  • ห้องนอนห้ามอยู่ตรงกับห้องน้ำหรือบันได
  • ไม่ควรวางเตียงนอนกลางห้องนอน
  • ไม่ควรวางเตียงนอนกลางประตูห้องนอนโดยตรง
  • หัวเตียงควรหันเข้าหากำแพงโดยตรง
  • หัวเตียงไม่ควรผิงพนังด้านที่ิติดประตูห้องนอนหรือห้องน้ำ
  • หัวเตียงไม่ควรผิงพนังต้านที่ติดหน้าต่าง

    10. หาตำแหน่งทรัพย์ของบ้าน

ตำแหน่งทรัพย์ หรือ ‘ไฉ่อุ่ย’ คือตำแหน่งสำหรับการกระตุ้นทรัพย์โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับการวางตู้เซฟ โต๊ะเก็บเงิน โต๊ะบัญชี เพื่อให้ทรัพย์ไหลมาเทมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับบ้านที่ประตูทางเข้าบ้านเปิดด้านขวามือ ตำแหน่งทรัพย์จะอยู่ที่มุมซ้ายของบ้าน ส่วนบ้านที่ประตูทางเข้าบ้านเปิดด้านซ้ายมือ ตำแหน่งทรัพย์จะอยู่ที่มุมขวาของบ้าน และบ้านที่ประตูทางเข้าบ้านเปิดออกที่สู่ตรงกลาง ตำแหน่งทรัพย์จะอยู่ที่ทั้งมุมซ้ายและมุมขวาของบ้าน

สรุป

การปรับปรุงบ้านให้เหมาะสมกับหลักฮวงจุ้ย นอกจะให้ผลทางใจในฐานะของการเพิ่มพลังให้กับผู้อยู่อาศัย การปรับฮวงจุ้ยบ้านยังมีผลต่อภูมิทัศน์และคุณลักษณะภายในบ้านไปด้วยอีกทางหนึ่ง ถ้าหากท่านสามารถทำการปรับฮวงจุ้ยบ้านอย่างง่ายได้ ผลลัพธ์ที่ได้คือการอยู่อาศัยดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม 

ที่มา: https://blog.ghbank.co.th/feng-shui-in-your-home/